เงินบาทดิจิทัล เตรียมทดสอบใช้งานจริง ไตรมาส 2 ปี 2565

สกุลเงินดิจิทัลสำหรับประชาชนที่ออกโดยแบงก์ชาติ (Retail Central Bank Digital Currency: Retail CBDC) หรือเรียกสั้นๆว่า "เงินบาทดิจิทัล" พัฒนาบน BlockChain เตรียมทดสอบการใช้งานจริง (Pilot Test) ในวงจำกัดช่วงไตรมาส 2 ปี 2565 ซึ่งมีมูลค่าเท่ากับเงินบาทจริง ความผันผวนของค่าเงินต่ำขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยน ไม่ได้ขึ้นลงตามความต้องการ เหมือน BTC ETH ฯลฯ

.
ซึ่งปัจจุบันธนาคารกลางกว่า 60 แห่งทั่วโลก เริ่มศึกษาพัฒนาสกุลเงินดิจิตอลเป็นของตัวเอง โดยอ้างอิงจากประชาชนกว่า 90% ทำธุรกรรมผ่าน eBanking ไม่ว่าจะเป็นการโอนเงิน ชำระเงิน ซื้อขาย มีไม่ถึง 10% ที่ถือเงินสด ยิ่งในช่วงโควิด19 จะเห็นได้ชัดว่าเรากำลังจะก้าวเข้าสู่สังคมไร้เงินสด สำหรับเงินบาทดิจิตอลเมื่อการทดสอบสมบูรณ์แล้วประชาชนสามารถเปลี่ยนบัญชีเงินฝากในธนาคารเป็นบัญชีเงินดิจิตอลได้เลย เช่นเดียวกับเงินหยวนดิจิตอลประเทศจีน นั้นเอง
.
หลายท่านอาจยังไม่เข้าใจว่า เงินบาทดิจิทัล จะต่างจากเงินสด หรือคริปโทเคอร์เรนซี หรือ eBanking หรือ eWallet อย่างไร? เว็บผึ้งงานจะเล่าให้ฟังแบบเข้าใจง่าย ดังนี้
.
เวลาเราจะใช้เงินสด ก็แค่ไปถอนเงินจากตู้ ATM จะได้ธนาบัตรมาเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์แล้วนำไปใช้จ่ายซื้อของได้ตามปกติ ส่วนเงินดิจิทัล จับต้องไม่ได้ ใช้แสกนจ่ายหักจากบัญชีเหมือนโครงการของรัฐ เช่น แอปเป๋าตังคนละครึ่ง ไทยชนะ เป็นต้น แต่มีความน่าเชื่อถือเพราะมีสินทรัพย์ภาครัฐหนุนหลังเหมือนเงินสด ออกโดยธนาคารกลาง และสามารถใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย
.

คริปโทเคอเรนซี เป็นสกุลเงินดิจิตอล ที่ออกโดยเอกชน มีความผันผวนขึ้นลงตามความต้องการของตลาด ไม่มีสินทรัพย์ของรัฐบาลหนุนหลังค่าเงินจึงมีความเสี่ยงสูง แต่ในบางประเทศก็สามารถใช้ชำระเงินได้ตามกฏหมายเช่นกัน เช่น ประเทศเอลซัลวาดอร์ ประกาศเป็นประเทศแรกที่ยอมรับบิตคอยน์เป็นเงินตราที่ใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายได้ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
.

อินเตอร์เน็ตแบงค์กิ้ง หรือ eBanking ซึ่งทุกคนน่าจะคุ้นเคยมากที่สุด สามารถโอนเงินชำระสินค้า โอนเงินเข้าบัญชีผ่านแอพธนาคารต่างๆนั้นเอง ซึ่งก็ยังอยู่ในรูปแบบของบัญชีเงินฝาก สามารถถอนเงินสดจากบัญชีได้ ธนาคารกลางก็ยังคงมีต้นทุนการผลิตเหรียญและธนบัตรออกมาอยู่ดี
.

เงินอิเล็กทรอนิกส์ หรือ eMoney หรือ eWallet ให้นึกภาพ ทรูมันนี่ Rabbit LINEPay ShopeePay GrabPay ซึ่งเป็นแบบเติมเงินจากในบัญชีเงินฝากและใช้ในวงแคบเท่านั้น ต่างจากเงินบาทดิจิตอล ที่จะใช้ในการจับจ่ายใช้สอยได้ในวงกว้างทุกวงการนั้นเอง
.
ข้อดี เงินบาทดิจิทัล คือ
- ไม่มีต้นทุนผลิตเหรียญและธนบัตร
- ป้องกันการฟอกเงิน
- ไม่มีค่าธรรมเนียมโอน
- ชำระและโอนเงินได้ทั่วโลก
- ไม่มีความผันผวนของค่าเงิน
- มีสินทรัพย์ค้ำประกันโดยรัฐบาล
- มีความปลอดภัยสูง
.
ข้อเสีย เงินบาทดิจิทัล คือ
- ธนาคารสามารถเข้าถึงบัญชีส่วนบุคคล
- ควบคุมโดยรัฐบาล
- ไม่มีดอกเบี้ย
- ความพร้อมด้าน Internet
- ความพร้อมด้าน Smartphone
.
อย่างไรก็ตามการพัฒนา "เงินบาทดิจิทัล" สำหรับประชาชนชาวไทยใช้ประโยชน์ ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินของประเทศ ให้พร้อมรับเศรษฐกิจดิจิทัล และเปิดกว้างรับนวัตกรรมใหม่ๆ จากผู้ให้บริการทางการเงินเอกชนหลากหลายที่เข้ามาต่อยอดโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินที่รองรับเงินบาทดิจิทัล แถมยังใช้เป็นเครื่องมือช่วยให้นโยบายภาครัฐเข้าถึงประชาชนรวดเร็วตรงจุด ลดการรั่วไหล และติดตามวัดประสิทธิผลนโยบายได้

ติดตามข่าวสารด้านไอที
☛ https://www.facebook.com/webbeedeveloper

Share:

เงินบาทดิจิทัล เตรียมทดสอบใช้งานจริง ไตรมาส 2 ปี 2565

Related Posts

❝ เว็บผึ้งงาน เว็บขยันทำงาน ❞

ผึ้งบริการ