ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด19 หลายบริษัทต่างใช้วิธีการต่างๆเพื่อลดการติดต่อและเวลาทำงานในสำนักงาน ซึ่งจะต้องเว้นระยะห่างตามแผนควบคุมโรคติดต่อของกระทรวงสาธารณสุข อาจด้วยวิธีการสลับวันทำงาน ทำงานที่บ้าน 4 วัน ที่บริษัท 1 วัน และบางแห่งก็ย้ายออฟฟิศไปไว้ที่บ้านเลยแบบทำงานที่บ้าน 100%
ซึ่งใช้วิธีการทำงานทางไกล ใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์สูงสุดและวัดผลการทำงานแบบออนไลน์ โดยแอปพลิเคชั่นที่คนทำงานที่บ้าน WFH ต้องรู้จักเป็นอย่างดี อันได้แก่ Zoom,Google Meet,Cloud ฯ
.
เว็บผึ้งงานจะมาบอก 10 เทคนิค วิธีการทำงานที่บ้านอย่างไร ให้ปลอดภัยจากการคุมคามของแฮกเกอร์และบุคคลภายนอก ดังนี้
.
1. ใช้ซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยอินเทอร์เน็ตที่บ้าน
อาจจะต้องลงทุนเพิ่มสักหน่อยกับระบบความปลอดภัยในการทำงานจากระยะไกลแบบอัตโนมัติ เพื่อป้องกันภัยคุกคามต่างๆ ทั้งในรูปแบบของ โฆษณา ไวรัส มัลแวร์ ที่อาจสร้างความเสียหายให้เครื่องหรือเครือข่ายของเราได้
.
2. อย่าให้สมาชิกในครอบครัวใช้อุปกรณ์ของบริษัท
ถึงแม้ว่าเราจะดูแลความปลอดภัยดีแค่ไหน แต่หากปล่อยให้สมาชิกในบ้าน โดยเฉพาะเด็กๆ เข้ามาใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ Notebook ก็มีความเสี่ยงอย่างยิ่งที่เด็กๆจะเปิดเว็บการ์ตูนหรือเว็บอื่นๆ แล้วกดรับโฆษณาแฝงเข้ามาในเครื่องอย่างไม่รู้ตัว
.
3. ปิดกล้องเว็บแคมทุกครั้ง
การทำงานทางไกลนั้นต้องมีการประชุมเกือบทุกวัน เมื่อประชุมเสร็จสิ้นอย่าได้ลืมปิดกล้อง Webcam หรืออาจใช้ฝาปิดเว็บแคมแบบเลื่อนได้ หรือให้ตั้งค่าเป็นฟีเจอร์ "พื้นหลังเบลอ" เพื่อป้องกันการแฮกกล้อง Web Cam สอดแนมเอกสารและพื้นที่ส่วนตัวภายในบ้านของเราได้
.
4. อัพโหลดข้อมูลขึ้นคลาวด์ทุกวัน
ไม่มีสิ่งปลอดภัย 100% จงมั่นสำรองไฟล์ Backup ข้อมูลขึ้น Cloud อยู่เป็นประจำทุกวัน เพื่อป้องกันความเสียหายจากการโจมตีโดยตรงที่คอมพิวเตอร์ แต่เราก็ยังคงทำงานต่อไปได้ทันทีเมื่อข้อมูลยังปลอดภัยบน Cloud
.
5. สร้างรหัส Wi-Fi ที่บ้านให้คาดเดายาก
อย่าใช้ชื่อ ที่อยู่บ้าน หรืออะไรก็ตามที่สามารถระบุตัวตนของเราได้ และควรเปลี่ยนรหัสใหม่ให้คาดเดาได้ยากแทนรหัสผ่านเดิมที่มาพร้อมตัวเครื่องราวเตอร์ครั้งแรก
.
6. ระมัดระวังการประชุมทางไกลผ่านวิดีโอ
ให้ตรวจสอบความปลอดภัยก่อนกดเข้าร่วมประชุมทุกครั้ง ว่ามีการตั้งค่ารหัสเข้าร่วมประชุมหรือไม่ หลายครั้งที่มีการสอดแนมผ่านประชุมทางไกล ดักฟัง อัดวีดีโอ จนทำให้ข้อมูลบริษัทรั่วใหล เว็บผึ้งงานแนะนำให้เลือกซอฟแวร์ของผู้ให้บริการประชุมทางไกลผ่านวิดีโอ ที่มีการเข้ารหัสจากต้นทางถึงปลายทาง เน้นความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยเป็นสำคัญ และต้องอัพเดตซอฟต์แวร์เป็นเวอร์ชันล่าสุดอยู่เสมอ
.
7. ตั้งรหัสผ่านที่คาดเดายาก
การตั้งรหัสผ่านที่คาดเดาได้ยากเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดที่หลายคนกลับมองข้าม โดยวิธีการตั้งชื่อที่ปลอดภัยนั้นให้ผสมทั้งอักษรตัวเล็ก ตัวใหญ่ ตัวเลข อักขระพิเศษ ผสมกัน อย่างน้อย 8 ตัว เช่น WebBEEdev22@Th เป็นต้น หรือแนะนำให้ใช้เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน (Password Manager) เพื่อช่วยดูแลรหัสผ่านทั้งหมดให้ปลอดภัย และอย่าตั้งรหัสผ่านที่ระบุถึงข้อมูลส่วนบุคคลเช่น วันเดือนปีเกิด ที่อยู่ หรือเบอร์โทรศัพท์
.
8. อย่าเปิดเผยข้อมูลบัญชีธนาคาร
บ่อยครั้งที่แฮกเกอร์ (Hacker) สแกมเมอร์ (Scammer) และฟิชเชอร์ (Phisher) จะพยายามพุ่งเป้าโจมตีเข้ามาผ่าน อีเมล,โฆษณาบนโซเชียลมีเดีย,ทางโทรศัพท์ โดยพยายามขอข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีธนาคาร เช่น อ้างว่าบัญชีถูกล็อค ขอให้ยืนยันตัวตนเพื่อปลดล็อค เป็นต้น จำไว้ว่าอย่าให้ข้อมูลบัญชีธนาคารหรือโอนเงินให้คนที่ไม่รู้จักเป็นอันขาด
.
9. ระวังอีเมลแปลกและหลอกลวง
อีเมลมีความสำคัญในการสื่อสารระหว่างในการทำงานและสมัครเข้าใช้งานแอปพลิเคชั่นต่างๆที่ทุกคนต่างต้องมีอีเมลเป็นของตนเอง ฉะนั้นอีเมลจึงเป็นหนึ่งในวิธีการหลอกลวงและหาประโยชน์ง่ายที่สุด บ่อยที่สุด ซึ่งปัจจุบันมีหลายรูปแบบมากมายทั้งแจกรางวัล โบนัส รับของฟรี แลกเงิน ขอความช่วยเหลือ เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้พึงระวังอย่าได้กดลิ้งค์เข้าไปและหลงเชื่อโดยง่าย
.
10. อัพเดทและติดตามเรื่องความปลอดภัยทางไซเบอร์อยู่เสมอ
วิธีการโจมตีทางไซเบอร์มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบตลอดเวลา ฉะนั้นแล้วเราควรติดตามข่าวสารเหล่านี้ไว้บ้าง อย่างน้อยก็เพื่อป้องกันตัวเองและเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราให้ปลอดภัยจากการคุกคามจากแฮกเกอร์ และหมั่นอัพเดทซอฟแวร์เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดอยู่เสมอ
.
ทั้งนี้ด้วย 10 วิธีการนี้ เว็บผึ้งงานเชื่อว่าจะเป็นการป้องกันการโจมตีจากบุคคลภายนอก รวมถึงแฮกเกอร์ได้แล้วระดับหนึ่ง ที่สามารถทำได้ด้วยตนเอง และจงอย่าลืมว่า อย่าได้กดคลิกลิงค์แปลกๆ โฆษณาแปลกๆ ที่ส่งแชร์เข้ามาจากคนที่เราไม่รู้จัก รวมถึงอย่าได้เผลอให้ข้อมูลทางบัญชีกับคนที่ไม่รู้จักเป็นอันขาด
.